Green Friendly City Living | อยู่แบบคนเมือง อีกมุมมองหนึ่งที่เป็นมิตรกับธรรมชาติได้

ในปัจจุบัน ประชากรบนโลกอาศัยอยู่ในเขตพักอาศัยที่เรียกว่าเมืองมีมากขึ้นเรื่อยๆ การอาศัยในถิ่นเมือง ที่มีผู้คนหนาแน่นกว่าหมู่บ้านจัดสรรในเขตชานเมือง หรือนอกเมืองที่ล้ำเขตออกสู่ชานเมือง และที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสวนป่าหรือไร่นา มีการศึกษาเปรียบเทียบให้เห็นว่า การเลือกอยู่ในเมือง นับเป็นการอยู่อาศัย แบบสีเขียวที่ดีอย่างหนึ่ง (green living) แต่ถ้าฟังดูเผินๆ จะเกิดความเคืองสงสัย ที่ว่าจะเป็นได้อย่างไร ที่การอยู่ในเมือที่หนาแน่นและตึกสูง จะเป็นการอยู่ อย่างสีเขียว กว่าการอยู่ชานเมืองที่มีบ้าน มีเน้ือที่ มีสนามหญ้า มีต้นไม้มีนก น้ำและลำธาร (ที่ขุดขึ้นในหมู่บ้านจัดสรร)

ในการศึกษาพบว่าการมีชีวิตอยู่สีเขียวอย่างในเมือง โดยเฉพาะในตึกรามบ้านช่องที่เก่าแก่ที่มีความกระชับกระทัดรัดของชุมชน

(compact neigborhood) จะมีการใช้พลังงานน้อยกว่า และปลดปล่อยของเสียน้อยกว่า การที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหม่ๆที่สร้างขึ้น ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านที่สร้างเพื่อประหยัดพลังงานที่มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟน้อย

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? ทำไมการอยู่ในเขตเมือง เป็นการการอยู่ที่เป็นมิตรต่อโลก กว่าการอยู่ในบ้านประหยัดพลังงาน ในเขตชานเมืองที่เคยเป็นสวนไร่นา คำตอบก็คือ ความหนาแน่นซึ่งเป็นหนึ่งในการช่วยการอยู่อาศัยให้มีประสิทธิภาพ density is efficient  แต่เราต้องเข้าใจประเด็นของความหนาแน่นให้ถูกต้อง

ชุมชนที่อยู่อย่างกระจัดกระจายหมู่บ้านจัดสรร ที่มีบ้านพักอาศัย ร้านค้า อาคารที่ทำงาน โรงเรียน ที่อยู่ห่างไกลจากกันและกัน การเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ที่ต้องพึ่งพายานยนต์อยู่ตลอดเวลา นับเป็นการสูญเสียพลังงานอย่างสิ้นเปลือง  การสร้างชุมชนให้มีสิ่งต่างๆใกล้มือ เกิดความสะดวกสบาย ไม่ต้องพึ่งยานพาหนะในการจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นประจำวัน การที่ไม่ต้องขับรถออกไปเพื่อซื้อข้าวของ หากแต่สามารถเดินไปซื้อได้ หรือเพียงแค่ลงจากตึกมาที่ร้านของชำใต้ตึก ให้เสร็จภาระกิจเล็กๆเหล่านี้ นับเป็นการประหยัดพลังงานอย่างหนึ่ง

ความแตกต่างอีกแง่หนึ่งของการอยู่อาศัยในเมืองกับหมู่บ้านจัดสรรชานเมือง ที่เห็นได้ชัดก็คือระบบสาธารณูปโภคในการสร้างบ้านจัดสรรชานเมือง ไม่ว่าจะเป็นระบบน้ำประปา ไฟฟ้า การระบายระบบน้ำเสีย จำต้องมีการเดินสาย การต่อท่อ ที่กว้างขวางออกไป ต่อบ้านหนึ่งหลังหรือการใช้งานต่อหนึ่งหน่วยยูนิต โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ การอยู่ในตึกหรือในเขตที่ความหนาแน่นมากกว่า และการให้บริการระบบสาธารณูปโภคดูจะมีประสิทธิภาพกว่า หรือการเดินทางโดยใช้ระบบมวลชนสาธารณะเช่นการใช้รถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดิน ก็เป็นการอยู่อย่างสีเขียวกว่าการเดินทางจากนอกเมืองโดยขับรถยนต์ส่วนตัว

การปรับเปลี่ยนการมีชีวิตการเป็นอยู่อาศัยจากนอกเมืองหรือในเมือง คงไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในข้ามคืน หรือกลายเป็นบุคคลที่ใช้ชีวิต อย่างสีเขียวในฉับพลัน แต่การพิจารณาการใช้ชีวิตประจำวัน การปรับมาใช้ระบบสาธารณูปโภค สาธารณะต่างๆ นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี

 

รูปภาพ : หมู่บ้านจัดสรร

รูปภาพ : ความหนาแน่นอย่างมีประสิทธิภาพในชุมชน และเมือง

Comments are closed.